วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Paper Towns (เมืองกระดาษ) - John Green

 


Title : Paper Towns
Author : John Green
Genre : YA / Contemporary
Published : October 1st 2008

เรื่องย่อ : 

มาร์โก้ตัวจริง..คือใครกันแน่?

Quentin Jacobsen ใช้ทั้งชีวิตหลงรักเด็กสาวนักผจญภัยอย่าง Margo Roth Spiegelman จากที่ไกลๆ แต่เมื่อวันนึงเธอเปิดหน้าต่างและปีนเข้ามาในชีวิตเขาในชุดนินจา มาร์โก้ขอร้องให้เควนตินช่วยทำตามแผนแก้แค้นอันชาญฉลาดของเธอ และเควนตินก็ต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากค่ำคืนอันยาวนานจบลง และวันใหม่มาถึง เควนตินพบว่า มาร์โก้ที่มักทำตัวลึกลับได้กลายเป็นปริศนาไปซะแล้ว แต่ไม่นานเควนตินก็ได้รู้ว่ามีร่องรอยบางอย่างถูกทิ้งไว้ และมันมีไว้เพื่อเขาเท่านั้น ยิ่งเควนตินเดินไปตามเส้นทางที่ไม่ปะติดปะต่อนั้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งห่างไกลจากเด็กสาวที่เขาคิดว่ารู้จักมากขึ้นเท่านั้น...

รีวิว + สปอยล์ :

เรื่องนี้เราหยิบมาอ่านเพราะหนังใกล้เข้าแล้ว กลัวตกเทรนด์ ฮ่าๆ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเควนติน หรือ คิว เป็นเพื่อนกับมาร์โก้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย ทั้งสองคนชอบเล่นด้วยกันบ่อยๆ ในวันนึงทั้งคู่ได้พบกับผู้ชายใกล้ตายคนนึงที่สวนสาธารณะ มาร์โก้ที่ชอบเรื่องผจญภัยจึงไปตามหาสาเหตุ แล้วก็ชอบมานั่งเล่าให้คิวฟังริมหน้าต่าง...

แต่เมื่อคิวและมาร์โก้เข้าไฮสคูล ต่อหน้าคนอื่นๆที่โรงเรียน ทั้งคู่กลับทำตัวเหมือนไม่ใช่เพื่อนกัน คิวมักแอบบมองมาร์โก้กับแฟน และแอบหมั่นไส้อยู่ในใจ แต่อยู่ดีๆคืนนึงมาร์โก้ก็ปีนขึ้นมาที่หน้าต่างห้องเขา และขอให้คิวช่วยแก้แค้น และทำตามมิชชั่น 11 อย่าง มาร์โก้และคิวจัดการแก้แค้นเจส -- แฟนของมาร์โก้ ที่แอบบนอกใจไปมีอะไรกับเบคก้า -- เพื่อนในแก๊งเดียวกันกับมาร์โก้ แล้วก็พากันเข้าไปในตึกสูงแห่งนึงเพื่อดูวิวเมือง Orlando ตอนกลางคืน มาร์โก้บอกคิวว่า เมืองๆนี้คือ Paper Town จากที่ตรงนี้ เรามองไม่เห็นสีของบ้านที่หลุดร่อน แต่เราก็ยังบอกได้ว่านั่นเป็นบ้านของใคร นั่นแหละที่มาร์โก้คิดว่ามันหลอกลวง และเธอทีเป็น Paper girl ก็ไม่อาจทนอยู่ใน Paper town ที่เต็มไปด้วยมนุษย์กระดาษเหล่านั้นได้อีกต่อไป...

วันรุ่งขึ้น คิวคิดว่าจะได้พบมาร์โก้ที่โรงเรียน และย้ายมานั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันที่โต๊ะของเขา แต่ทั้งวันมาร์โก้ก็ไม่โผล่มา ผ่านไปหลายวันเขาถึงได้รู้ว่ามาร์โก้หนีออกจากบ้านเป็นครั้งที่ 3 แต่พ่อแม่ของมาร์โก้เบื่อที่จะตามหาอีกต่อไป เพราะพวกเขาคิดว่าเธอก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจ แล้วก็ไม่มีใครอยากจะมานั่งปวดหัวก็ร่องรอยที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้อีกด้วย

แต่คิวกลับพบว่าที่ห้องของมาร์โก้มีโปสเตอร์ที่เขาไม่เคยเห็นแปะอยู่ มิหนำซ้ำยังจงใจหันมาที่ห้องเขาราวกับตั้งใจ คิวคิดว่านี่คงเป็นร่องรอยที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้เขาโดยเฉพาะ คิวเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทอีกสองคนฟัง พวกเขาจึงพากันไปค้นหาร่องรอยอย่างอื่นในห้องมาร์โก้ คิวพบหนังสือกลอนเล่มนึงที่พาเขาไปยังห้างร้างแห่งหนึ่ง ที่นั่นเขาพบกับข้อความนึงที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้...

"You will go to the paper towns and never come back.."

จากข้อความนั้น คิวคิดว่ามาร์โก้อาจจะคิดฆ่าตัวตาย หรืออาจจะตายแล้ว แต่อยากให้เขาเป็นคนพบศพ ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ทำให้เขาร้อนรนอยากจะหามาร์โก้ให้เจอเร็วๆ หลังจากค้นหาอยู่หลายครั้ง คิวเจอรอยหมุดบนผนังอยู่หลายจุด เขาคิดว่าน่าจะเป็นรอยหมุดที่เกิดจากการเอาเอาเข็มหมุดปักไว้บนแผนที่ แล้วคิวก็เจอแผนที่เก่าๆซ่อนอยู่แถวนั้นจริงๆ 

เพื่อนของคิวคิดว่า ถ้าดุจากแผนที่แล้ว มาร์โก้น่าจะแค่อยากสนุกกับโรดทริปตามเส้นทางนั้นมากกว่า แล้วเดี๋ยวก็คงจะกลับมาเองในวันพิธีจบการศึกษา แต่คิวไม่คิดอย่างนั้น เพราะนั่นไม่เหมือนกับมาร์โก้ที่เขารู้จัก คิวลองเอาคำว่า Paper Towns เสริ์ชในอินเตอร์เน็ท แล้วพบกระทู้นึงที่ให้ความหมายของ Paper Towns ไว้ 

 Paper Town เป็นเมืองที่มาร์คไว้บนแผนที่ แต่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งผู้สร้างแผนที่ทำไว้เพื่อหลอกคนที่จะมาลอกเลียนแบบ เพราะถ้าหากมีเมืองๆนี้อยู่บนแผนที่ของบริษัทอื่น นั่นก็หมายความว่าแผนที่ของเขาโดนละเมิดลิขสิทธิ์ คิวอ่านกระทู้ไปเรื่อยๆจนพบว่า Paper Towns เมืองนี้ชื่อว่า Algoe ตั้งอยู่ใกล้ๆนิวยอร์ค และเมื่อเทียบกับรอยหมุดบนแผนที่เก่าที่พบในห้างร้างก็ตรงกันจริงๆ และยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจของคิว เขาเจอคอมเม้นท์นึงในเพจเกี่ยวกับเมือง Algoe ที่ใช้ตัวพิมพ์เล็กกับพิมพ์ใหญ่สลับกันมั่วไปหมดซึ่งนั่นเป็นสไตล์การเขียนของมาร์โก้

"ถึงใครก็ตามที่อีดิทเพจนี้ ประชากรของ Algoe จะมีหนึ่งคน จนถึงบ่ายวันที่ 29 พฤษภา.."

คิวมีเวลาแค่หนึ่งวันก่อนที่มาร์โก้จะไปจาก Algoe กับระยะทางอีกพันกว่าไมล์ เขาตัดสินใจไม่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษา แต่ก่อนจะออกเดินทางเขาต้องเอาเบียร์ไปให้เพื่อนที่โรงเรียนก่อน แต่ไปๆมาๆก็ดันโดดพิธีจบการศึกษากันทั้งแก๊งค์ - - และแล้วโรดทริปเพื่อตามหามาร์โก้ก้เริ่มต้นขึ้น...

ระหว่างเดินทาง คิวคิดจริงๆว่า ถึงแม้ปลายทางเขาจะไม่พบมาร์โก้ แต่การได้เดินทางร่วมกับเพื่อนๆครั้งนี้ก็เป็นความทรงจำที่ดีเหลือเกิน...

เมื่อไปถึง Algoe คิวเจอรถของมาร์โก้จอดอยู่หลังโรงนา พวกเขารีบเข้าไปหาตัวมาร์โก้ และพบเธอกำลังนั่งเขียนหนังสืออยู่อย่างสบายใจ แต่พอพวกเขาแสดงตัว แทนที่จะวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ เธอกลับโมโหใส่คิวและเพื่อน เพราะมาร์โก้ไม่ด้อยากให้ใครมาตามหา คิวนั่นแหละที่คิดไปเอง...

หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว มาร์โก้จึงยอมขอโทษ และเล่าความจริงทั้งหมด ที่จริงเธอวางแผนหนีออกจากบ้านไว้ตั้งนานแล้ว ในตอนแรกคิดว่าจะไปหลังงานพิธีจบการศึกษา แต่เธอก็ไม่อาจทนอยู่เมืองนั้นได้อีกต่อไป แล้วยิ่งมีเรื่องแฟนนอกใจด้วย เธอเลยเลื่อนให้เร็วขึ้น

ที่โรงเรียน คนอื่นๆมักมองว่ามาร์โก้เจ๋งกว่าใคร  แล้วเธอเองก็อยากให้คนอื่นชอบ เธอจึงยิ่งทำตัวอย่างที่คนอื่นอยากเห็น ทั้งที่ตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะงั้น ตัวเธอเองก็คือ Paper girl และมาที่โรงนาแห่งนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงว่าเมืองกระดาษ (Algoe) นั้นมีอยู่จริงๆ เพื่อที่ตัวเธอเองก็จะได้เป็นมาร์โก้ที่แท้จริงเช่นกัน...

ส่วนที่มาร์โก้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ก็เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมามาร์โก้คิดมาตลอดว่า คิวเองก็เป็น Paper boy แต่ในคืนที่ไปทำภารกิจแก้แค้นด้วยกัน จากคิวขี้ป๊อด ก็กลายเป็นฮีโร่ของมาร์โก้ เป็นคิวที่แท้จริง เธอจึงล่อคิวมาห้างร้างน่ากลัวๆ เพื่อไม่ให้คิวกลับไปเป็น Paper boy อีกต่อไป

มาร์โก้ชวนคิวเดินทางไปด้วยกัน แต่เขาปฏิเสธเพราะชีวิตของเขาอยู่ที่ Orlando ส่วนมาร์โก้เองก็ยังไม่พร้อมที่จะกลับไป พวกเขาสองคนจึงต้องแยกกันตรงนั้นเพื่อไปตามเส้นทางของตัวเอง โดยมีคำสัญญาว่าจะกลับมาเจอกันอีก

คิวยืนมองมาร์โก้เดินไปขึ้นรถ แต่ทว่า..อยู่ดีๆเธอก็หันกลับมา แล้ววิ่งเข้ามาสวมกอดเขา และคิวก็สามารถมองเธอได้เกือบชัดเจนในความมืดที่โรยตัวลงมา...



**จบแล้วนะจ๊ะ ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยจ้า สงสัยยาวไปหน่อยด้วย ปาดเหงื่อ**



การเล่าเรื่อง : เล่าในมุมมองของคิวคนเดียว
ภาษา : ศัพท์กลาง - ยาก แต่ไม่เปิดดิกก็เข้าใจนะ แต่ที่มันยากคือ ศัพท์ง่าย แต่อ่านไม่เข้าใจนี่แหละ - -* คือแบบ ต้องอ่านแล้วหยุดจิตนาการตามคำพูดของจอห์น กรีน ถ้าใครเคยอ่าน TFIOS จะรู้ว่าสไตล์จอห์น กรีน มันต้องใช้จินตนาการในการเข้าใจ 55
ความรู้สึกหลังอ่าน : ถึงจะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ก็สนุกนะ เราค่อนข้างชอบเลยล่ะ เราว่าความรู้สึกเหมือนอ่าน The Perks of Being a Wallflower เลย แต่มีตอนฮาเยอะกว่า โดยเฉพาะพวกเพื่อนพระเอกนี่แหละ จะฮาไปไหน อ่านแล้วก็รู้สึกเสียดายที่ช่วงวัยรุ่น ตอนม.ปลาย วันๆเอาแต่เรียน ไม่ได้ทำไรเจ๋งๆแบบในหนังสือ จะมาทำตอนนี้ก็ไม่ไหวละ - - เฮ่อออ เราว่าเป็นหนังสือที่ดีมากๆเลยนะ มีอะไรให้คิดเยอะดี ควรค่าแก่การหามาอ่านจ้า Smiley
คะแนน : 5/5 เราชอบเรื่องนี้มากกว่า TFIOS นะ เอาใจไปเลยเต็ม ๆ คิคิคิคิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น